เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 4 โมงเย็นนะครับ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับกระทรวงกลาโหม และกองทัพบก ได้ร่วมแถลงข่าว พัฒนาการสถานการณ์ชายแดน ไทย-กัมพูชา โดย คุณนิกรเดช พลางกูร อดีตกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า ตามที่เกิดเหตุปะทะระหว่างทหารของทั้ง 2 ฝ่าย บริเวณช่องบก อําเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานีนั้น ฝ่ายไทยมีความจําเป็นต้องป้องกันตนเอง และปกป้องอธิปไตยของประเทศ โดยเป็นไปอย่างเหมาะสมได้สัดส่วนและสอดคล้องกับหลักกฎหมายระหว่างประเทศและแนวปฏิบัติสากล ภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว ฝ่ายไทยได้ใช้ความอดทน อดกลั้น และมุ่งแก้ไขสถานการณ์ด้วยสันติวิธี โดยเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาพยายามลดความตึงเครียดในพื้นที่ และจํากัดความขัดแย้งให้อยู่เพียงจุดเกิดเหตุ
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดายที่ฝ่ายกัมพูชาได้ปฏิเสธทันทีต่อข้อเสนอในการปรับกําลัง และยังมีการเสริมกําลังทหารในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง และปฏิเสธที่จะปฏิบัติตาม MOU ปี 2543 บนพื้นฐานของการเจรจาแบบสันติวิธีซึ่งการดําเนินการดังกล่าวจะยิ่งเพิ่มความตึงเครียด และทําให้สถานการณ์ในพื้นที่มีความเปราะบางมากยิ่งขึ้น
การดําเนินการของฝ่ายกัมพูชาข้างต้นแสดงให้เห็นถึงการขาดเจตนารมณ์และความจริงใจที่จะร่วมมือกับฝ่ายไทย ในการที่จะลดและระงับความตึงเครียดที่มีอยู่เดิม และทําให้สถานการณ์กลับมาเป็นปกติ
ดังนั้น เป็นไปตามมติที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ และเพื่อเป็นการรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยตามแนวชายแดน ฝ่ายไทยจึงจําเป็นต้องใช้มาตรการควบคุมการเปิดปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชาครับ




